ประเภทของรถไถ:
รถไถเดินตาม:
เป็นรถไถขนาดเล็ก เหมาะสำหรับพื้นที่จำกัด และมักใช้ในการเตรียมดิน
รถแทรกเตอร์:
เป็นรถไถขนาดใหญ่ อเนกประสงค์ สามารถติดตั้งอุปกรณ์เสริมได้หลากหลาย เหมาะสำหรับงานเกษตรกรรมขนาดใหญ่
การใช้งานรถไถ:
เตรียมดิน:
ไถเปิดหน้าดิน ไถพรวนดิน ปรับสภาพดินให้เหมาะสมกับการเพาะปลูก
รถไถในอดีตมีตั้งแต่ คันไถไม้ที่ใช้สัตว์ (วัว/ม้า) ลาก ในยุคแรกๆ จนกระทั่งพัฒนาเป็น รถไถพลังไอน้ำ ในช่วงทศวรรษ 1840 จากนั้นจึงกลายเป็น รถแทรกเตอร์เครื่องยนต์สันดาปภายใน ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ถึงต้นศตวรรษที่ 20 ซึ่งมีแบรนด์ดัง เช่น ฟอร์ดซัน (Fordson) และ จอห์น ดีร์ (John Deere) ที่ผลิตรถแทรกเตอร์รุ่นแรกๆ จำนวนมากและเริ่มเปลี่ยนโฉมหน้าการเกษตรกรรมในที่สุด
วิวัฒนาการของรถไถ:
คันไถในยุคแรก (ยุคก่อนประวัติศาสตร์ - ศตวรรษที่ 18):
ทำจากไม้: มีด้ามจับสำหรับดึงหรือดัน
ลากด้วยสัตว์ (วัว/ม้า): เครื่องมือเหล่านี้ใช้ไถดินชั้นบน แต่ไม่สามารถรับมือกับดินที่หนักกว่าได้
มีชิ้นส่วนโลหะ: มีการนำเหล็กหล่อมาเพิ่มที่คมตัด และเพิ่มโคลเตอร์ (colter) เพื่อช่วยให้ไถง่ายขึ้น
การปฏิวัติเครื่องจักร (ช่วงปี ค.ศ. 1840):
รถไถพลังไอน้ำ: เริ่มมีการนำเครื่องจักรไอน้ำมาใช้เป็นเครื่องกำลังในการไถนาในอังกฤษ
รถไถแบบมีล้อ (Sulky Plow): มีที่นั่งให้เกษตรกรขี่ และสามารถไถได้สองแถวพร้อมกัน ทำให้ทำงานได้รวดเร็วขึ้น
รถแทรกเตอร์ในยุคแรก (ช่วงปลายศตวรรษที่ 19 - ต้นศตวรรษที่ 20):
เปลี่ยนจากเครื่องไอน้ำเป็นเครื่องยนต์สันดาปภายใน: เครื่องยนต์เบนซินถูกนำมาใช้แทนเครื่องจักรไอน้ำ ทำให้รถแทรกเตอร์มีขนาดเล็กลงและคล่องตัวขึ้น
ยุคทองของรถแทรกเตอร์ (ค.ศ. 1920-1940):
Fordson: เฮนรี ฟอร์ด เปิดตัวรถแทรกเตอร์ Fordson รุ่น F ในปี 1917 ซึ่งเป็นรถแทรกเตอร์รุ่นแรกที่ผลิตจำนวนมาก ราคาไม่แพง และเชื่อถือได้
John Deere: เปิดตัวรถแทรกเตอร์รุ่น D ในปี 1923 ซึ่งเป็นรุ่นที่ประสบความสำเร็จและทนทานยาวนาน
ข้อจำกัดของรถไถในยุคแรก:
น้ำหนักมาก: รถไถไอน้ำมีน้ำหนักมาก ทำให้ต้องวิ่งบนรางเหล็กเพื่อไม่ให้จมดิน และเปลืองเชื้อเพลิง
ความร้อนและอะไหล่: เครื่องจักรกลในยุคแรกมักมีปัญหาร้อนเร็วในอากาศเมืองไทย และหาช่างซ่อมหรืออะไหล่ได้ยาก
การพัฒนาเทคโนโลยีเครื่องจักรกลการเกษตรเหล่านี้ช่วยให้เกษตรกรทำงานได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างมหาศาล
รถไถสมัยก่อนคือเครื่องมือทำนาด้วยแรงงานสัตว์ โดยการไถดินจะทำอย่างน้อย 2 ครั้ง ได้แก่ ไถดะ เพื่อพลิกหน้าดิน กำจัดวัชพืช และ ไถแปร เพื่อย่อยดินให้ละเอียด คลุกเคล้าปุ๋ยอินทรีย์ และปรับหน้าดินให้เรียบ. การไถนาในอดีตนี้เป็นการเตรียมดินก่อนปลูกข้าว ซึ่งใช้เครื่องมือที่เรียกว่า "คันไถ" ที่ผูกกับวัวหรือควาย.
ขั้นตอนการไถดินสมัยก่อน (ก่อนการใช้รถแทรกเตอร์)
ไถดะ (การไถครั้งแรก)
จุดประสงค์: เพื่อพลิกหน้าดินชั้นบนขึ้นมาด้านบน และกำจัดวัชพืชต่างๆ.
วิธีการ: ใช้คันไถที่ผูกกับแรงงานสัตว์ (วัวหรือควาย) ในการไถ.
ผลลัพธ์: พลิกหน้าดินให้วัชพืชและซากพืชลงไปในดิน เพื่อให้ย่อยสลายเป็นปุ๋ยอินทรีย์ และตากดินให้แห้ง.
ไถแปร (การไถครั้งที่สอง)
จุดประสงค์: เพื่อย่อยดินที่ได้จากการไถครั้งแรกให้ละเอียดขึ้น คลุกเคล้าให้เข้ากัน และปรับหน้าดินให้มีความสม่ำเสมอ.
วิธีการ: ไถขวางแนวการไถดะ โดยใช้คันไถแบบเดิม.
ผลลัพธ์: ดินร่วนซุยขึ้น เหมาะสำหรับการเพาะปลูก.
อุปกรณ์ที่ใช้
คันไถ: เป็นเครื่องมือหลักในการไถ โดยประกอบด้วยตัวคันไถ หางยาม และหัวหมู ทำจากไม้เนื้อแข็ง.
สัตว์แรงงาน: วัวหรือควาย ใช้ในการลากคันไถเพื่อสร้างแรงไถ.
ความสำคัญ
การกำจัดวัชพืช: การไถดะและไถแปรช่วยกำจัดวัชพืช ลดการแข่งขันของวัชพืชกับพืชที่ปลูก.
การบำรุงดิน: ซากวัชพืชและฟางที่ถูกไถกลงไปในดินจะย่อยสลายเป็นปุ๋ยอินทรีย์ เพิ่มธาตุอาหารให้แก่ดิน.
การปรับปรุงโครงสร้างดิน: การไถจะช่วยให้ดินมีความร่วนซุย เก็บความชื้นได้ดีขึ้น และเตรียมพื้นผิวให้เหมาะสมต่อการงอกของเมล็ดพืช.